คอมพิวเตอร์แบ่งตามขนาดและราคา
1 ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer)
2 มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer)
3 เมนเฟรม คอมพิวเตอร์ (Mainframe computer)
4 ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer)
การแบ่งประเภทคอมพิวเตอร์แต่ละแบบนั้นขึ้นอยู่กับขนาดราคา ความเร็วในการทำงานประสิทธิภาพในการประมวลผล และขนาดของหน่วยความจำ
1.ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer)
เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดราคาถูกที่สุด ใช้งานง่ายและนิยมมากที่สุดราคาของเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์จะอยู่ในช่วงประมาณหมื่นกว่า ถึงแสนกว่าบาท ในวงการธุรกิจใช้ไมโครคอมพิวเตอร์กับงานทุก ๆ อย่างไมโครคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กพอที่จะตั้งบนโต๊ะ (DeskTop) หรือ ใส่ลงในกระเป๋าเอกสารเช่น คอมพิวเตอร์วางบนตัก (Lap top) หรือโน๊ตบุ๊ค (Note book) ไมโครคอมพิวเตอร์สามารถทำงานในลักษณะประมวลผลได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องเชื่อมโยงกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นเรียกว่าระบบแสตนอโลน (Standalone system)มีไว้สำหรับใช้งานส่วนตัวจึงเรียกเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ได้อีกชื่อหนึ่งว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือเครื่องพีซี (PC:Personal Computer) และสามารถนำเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ หรือเชื่อมต่อกับเครื่องเมนเฟรม เพื่อขยายประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นทำให้เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เป็นที่นิยมใช้กันแพร่หลายอย่างรวดเร็ว2.มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer)
มินิคอมพิวเตอร์ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในระหว่างปีค.ศ.1960 - 1969 เพื่อใช้กับงานเฉพาะอย่าง เช่น ใช้ในการสื่อสารข้อมูลในปัจจุบันมินิคอมพิวเตอร์เป็นคู่แข่งกับเมนเฟรมในด้านประสิทธิภาพการทำงานและถูกนำมาใช้ในงานประมวลผลคำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติและใช้กับโปรแกรมประยุกต์ในการทำงานหลาย ๆอย่างมินิคอมพิวเตอร์คล้ายกับเมนเฟรมคอมพิวเตอร์แต่ขนาดเล็กกว่า ราคาถูกกว่าและบำรุงรักษาง่ายกว่า ราคาอยู่ในช่วงประมาณ 1 ล้านกว่าขึ้นไปมินิคอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมโยงกับ เครื่องเทอร์มินัลได้หลาย ๆ เครื่องมีผู้ใช้งานได้หลาย ๆ คนในเวลาเดียวกัน (Multiuser)
ในวงการธุรกิจปัจจุบันสำหรับหน่วยงานขนาดกลางถึงขนาดใหญ่มักนิยมใช้มินิคอมพิวเตอร์มาเป็นตัวหลักและใช้เครื่อง PC เป็นเพียงเครื่องประมวลผลชั้นต้น ที่โต๊ะทำงานหรือประจำแผนกเล็ก ๆแล้วส่งผลลัพธ์ที่ได้ไปรวบรวมเพื่อเก็บเป็นข้อมูลถาวรและใช้ประมวลผลสรุปสำหรับผู้บริหารระดับสูงด้วยเครื่องมินิคอมพิวเตอร์เช่น บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ บริษัทที่ทำธุรกิจทางการเงินการธนาคารเป็นต้นปัจจุบันนิยมใช้มินิคอมพิวเตอร์มาทำหน้าที่เป็นไฟล์เซิร์ฟเวอร์แทนพีซีเซิร์ฟเวอร์ในระบบแลน (LAN) เพราะสามารถรับภาระงานได้มากกว่า ความเร็วในการประมวลผลได้สูงกว่ามินิคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันได้ถูกออกแบบให้ใช้กับซีพียูได้หลาย ๆ ตัวลักษณะการทำงานเป็นมัลติโปรเซสซิ่ง (Multiprocessing)
3.เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe computer)
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ทำงานร่วมกับอุปกรณ์หลายๆ อย่างด้วยความเร็วสูงใช้ในงานธุรกิจขนาดใหญ่มหาวิทยาลัยธนาคารและโรงพยาบาลเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ สามารถเก็บข้อมูลที่มีปริมาณมาก ๆเช่น ในการสั่งจองที่นั่งของสายการบินที่บริษัททัวร์รับจองในแต่ละวันนอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมโยงใช้งานกับเครื่องเทอร์มินัล (Terminal) หลาย ๆ เครื่องในระยะทางไกลกันได้ เช่น ระบบเอที่เอ็ม (ATM) การประมวลผลข้อมูลของระบบเมนเฟรมนี้มีผู้ใช้หลาย ๆ คนในเวลาเดียวกัน (Multiuser) สามารถประมวลผลโดยแบ่งเวลาการใช้ซีพียู (CPU) โดยผ่านเครื่องเทอร์มินัลการประมวลผลแบบแบ่งเวลานี้เรียกว่า Time sharingการใช้เมนเฟรมต้องคำนึงถึงในเรื่องความร้อน อุณหภูมิ และความชื้นซึ่งต้องถูกควบคุมด้วยระบบพิเศษและต้องการทีมงานในการดำเนินงานโดยปกติบริษัทผู้ขายคอมพิวเตอร์จะให้การฝึกอบรมแก่พนักงานผู้ใช้เครื่องและดูแลการบำรุงรักษาเครื่อง
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์จะมีขนาดใหญ่และราคาแพงกว่ามินิคอมพิวเตอร์
4.ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer)
เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดสามารถทำงานได้เร็วที่สุดความเร็วในการประมวลผลแลการรับส่งข้อมูลเหนือกว่าเมนเฟรมคอมพิวเตอร์และเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีราคาแพงที่สุดซุปเปอร์คอมพิวเตอร์มัใช้กับหน่วยงานขนาดใหญ่ที่สำคัญและใช้กับงานเฉพาะด้านสามารถทำการประมวลผลในงานต่าง ๆ กันในเวลาพร้อมกันการประมวลผลภายใน 1 นาทีถ้าเทียบกับการทำงานของเครื่อง พีซีอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์จัดเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูงสถาปัตยกรรมภายในเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยประมวลผลภายในเป็นจำนวนมากโดยที่หน่วยประมวลผลแต่ละตัวจะประมวลผลให้กับปัญหาหนึ่ง ๆ ที่เข้ามาพร้อม ๆ กันจึงทำให้สามารถทำการประมวลผลในงานต่าง ๆ กัน ในเวลาพร้อม ๆกันด้วยความรวดเร็วซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เกิดขั้นมาก่อนและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดได้แก่ ยี่ห้อเครย์ (Cray) ซึ่งผลิตโดยบริษัท Cray Research เครย์รุ่นแรกเป็นเครื่องที่มีซีพี่ยูเพียงตัวเดียวและใช้งานแบบผู้ใช้คนเดียว
ต่อมาได้มีการผลิตเครย์ตามมาอีกหลายรุ่นเปลี่ยนมาเป็นระบบผู้ใช้หลายคนเป็ฯเครื่องมัลติโปรเซสเซอร์มีซีพียูหลายตัว ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ออกมาในปลายปี ค.ศ. 1993 คือรุ่น T3D ได้เปลี่ยนจากระบบมัลติโปรเซสเซอร์ไปเป็นระบบ โปรเซสเซอร์จำนวนมากระบบเริ่มต้นที่มีโปรเซสเซอร์ตั้งแต่ 32 ตัว จนถึง 2048 ตัว โดยเพิ่มขั้นละ 2 เท่าตัว จาก 32 เป็น64,128,256,512,1024 และ 2048
- ท ศูนย์เทคโนโลยี อิเล็คทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(NECTEC)มี 2 เครื่องสำหรับให้บริการมหาวิทยาลัยต่างๆหน่วยราชการต่างๆ
- ทมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มี 1 เครื่อง สำหรับให้บริการทางด้านวิชาการ งานวิจัยต่าง ๆ
- ท กรมอุตุนิยมวิทยา มี 1 เครื่องใช้ในการพยากรณ์อากาศ
ฉะนั้นสรุปได้ว่าข้อแตกต่างระหว่างไมโครคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่จะแตกต่างกันในด้านความสามารถในการเก็บข้อมูลและความเร็วในการทำงานเนื่องจากมินิคอมพิวเตอร์และเมนเฟรมมีหน่วยความจำขนาดใหญ่เก็บข้อมูลได้ยากและสามารถประมวลผลโปรแกรมที่มีความซับซ้อนในเวลาที่รวดเร็วนอกจากนี้ยังสามารถประมวลผลกับโปรแกรมหลาย ๆโปรแกรมในเวลาพร้อมกันและผู้ใช้คอมพิวเตอร์หลาย ๆ คนสามารถใช้เครื่องพร้อม ๆกันเวลาเดียวกันได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น